วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557



การทักทายกันแบบฝรั่งเศส


การทัยทายกันทั่วไป
Bonjour บง ชูร์ แปลว่า สวัสดี เหมือนกับคำว่า Hello ในภาษาอังกฤษครับ
bonne nuit บอนนุย แปลว่า ราตรีสวัส
bon soir บงซัวร์ แปลว่าสวัสดีตอนเย็น
bon apres-midi บอน นัพเคร-มิดิ แปลว่า สวัสดีตอนกลางวัน
enchante อองชองเต แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก
comment allez-vous? กอมมอง ตาเล วู? แปลว่า เป็นอย่างไรบ้าง?
tu vas bien? ตุ๊ วา เบียง? แปลว่า คุณสบายดีไหม?
bien, merci เบียง แมร์ซี่ แปลว่า สบายดี, ขอบคุณ

การทัยทางกันในโอกาสพิเศษต่างๆ
ภาษาฝรั่งเศสน่ารู้ขอเสนอคำอวยพร หรือคำที่แสดงความปรารถนาดี ( Les souhaits ) ที่ใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆดังนี้
Bonne Année ( บอนนานเน่ )แปลว่าสวัสดีปีใหม่

Joyeux Noël ( ชัวเยอ โนแอล )แปลว่า สุขสันต์วันคริสต์มาส

Joyeux Anniversaire ( ชัวเยอซานิแวร์แซร์ )แปลว่า สุขสันต์วันเกิด
Bienvenue ( เบียงเวอนู )แปลว่า ยินดีต้อนรับ 
Bon courage ( บง กูราช ) แปลว่่า ขอให้มีกำลังใจในการทำงาน

Bonne chance ( บอน ชองส์ ) แปลว่า ขอให้โชคดี / ประสบความสำเร็จ

Bon appétit ( บอนนาเปตี )แปลว่า ขอให้เจริญอาหาร
Bon voyage ( บง วัวยาช ) ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

Bonne journée ( บอน ชูร์เน่ ) แปลว่า ขอให้สนุกสนานในช่วงกลางวันนี้

Bonne soirée ( บอน ซัวเร่ )แปลว่า ขอให้สนุกสนานในช่วงค่ำคืนนี้

Bonnes vacances ( บอน วาก็องส์ )แปลว่า ขอให้สนุกสนานช่วงปิดภาคเรียน
Bonne nuit ( บอน นุย ) แปลว่า ราตรีสวัสดิ์

Fais de beaux rêves ( แฟ เดอ โบ แรฟ ) แปลว่าหลับฝันดี

Bonne santé ( บอน ซองเต้ )แปลว่า ขอให้มีสุขภาพดี
คำขอโทษภาษาฝรั่งเศส
suis desole (เฌอ ซุย เดโซเล) แปลว่าขอโทษ
Pardon (ปาร์ดง) แปลว่าขอโทษ
je m'excuse (เฌอ เม็กกูซ) แปลว่าขอโทษ
je m'excuse de vous deranger (เฌอ เม็กกูซ เดอ วูส์ เดรองเช่) แปลว่า แปลว่าขอโทษ
ก่อนที่จะถามเรื่องบางอย่าง ควรใช้สำนวน Excusez - Moi (เอ็กกูเซ - มัว) ตรงกับคำภาษาอังกฤษ excuse - me ครับ

การรับการของโทษ ก็มีหลายสำนวนเช่น
Ce n'est rien (เซอ เน เรียง) แปลว่าขอโทษIl n'y a pas de quoi (อิล นี ยา ปา เดอ กัว) แปลว่าขอโทษ
je vous en prie (เฌอ วูส์ ซง พรี) แปลว่าขอโทษ
ภาษารัก ภาษาฝรั่งเศสJe vous aime beaucou.(เฌอ วู แซม โบกู) แปลว่าฉันรักคุณมาก

แบบภาษาชาวบ้านนะ คือ 
Je t'aime (เฌอแตม)
ฉันรักเธอ

และอีกสำนวนที่แปลว่าคิดถึง
Je pense beaucoup a toi (เฌอ ปองส์ โบกู อา ตัว)
 แปลว่า ฉันคิดถึงเธอมากนะ สามารถใช้ได้กะทุกคนนะ 
และอีกสำนวนนะสุดโรแมนติกเลย คือ

Je t'aime a l'infini (เฌอ แตม อา แลงฟีนี) แปลว่า ฉันรักเธอตลอดกาลหรือรักเธอชั่วนิรันด์
การทัยทายกันแบบฝรั่งเศสและสถานะการณ์ต่างๆเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษครับ
Hello in French is... bonjour! Hello ! ... bonjour ! 
Good day! Good morning! Good afternoon!. . .
Bonjour!
Hi!. . .salut
!
Pleased to meet you!. . .
 Content(males) or Contente(females) de te rencontrer!
Thank you! ... 
Merci
Many thanks! Thank you very much!. . . 
Merci beaucoup!
Good evening!. . .
Bonsoir! Bonne soirée!
Good night!. . .
Bonne nuit!
Come here! . . .
 Viens ici!
OK! . . . 
OK!
How good! Great!. . .
C'est bien! Super!
How do you say, 'How are you in French?'
แบบเป็นไม่เป็นทางการ
How are you ? ... Comment vas-tu? 
แบบเป็นทางการ
How are you ? ... Comment allez-vous?
  
How are you? ... ça va?
This is literally translated as 'does it go?'. This is a very common French greeting, or response after saying something like 'bonjour'.
I'm doing well ! ... ça va! ça va bien!Good luck!. . .Bonne chance!
Until next time! ... à la prochaine!
See you soon!. . . A bientot ! J'espére te revoir bientot!
เราสามารถถามเป็นภาษาอังกฤษได้เมื่อเราต้องการพูดภาษาฝรั่งเศสกับคู่สนทนาโดยใช้ประโยคตามด้านล่างนี้
  • How do you say hello in French?
  • How do you say hi in French?
  • How do you say how's it going in French?
  • How do you say how are you in French?
  • How do you say I am fine in French?
  • Posted on 05:45 by Unknown

    No comments

      มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศสเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร หลายคนคิดไกลตัว และไม่จำเป็นเท่าไหร่ ทั้งที่จริงแล้วสำคัญนัก เพราะแค่ได้รับเชิญไปงานแต่ง หรือแม้แต่รับประทานอาหารกับเจ้านาย คุณก็อาจจับพลัดจับผลูเข้าไปร่วมมื้อหรู ที่คนอื่นรู้มารยาท และธรรมเนียมการปฏิบัติแบบสากลเป็นอย่างดี
          
           
    ถ้าไม่อยากกลายเป็นสาวเปิ่นประจำโต๊ะ คงต้องเรียนรู้มารยาทแขนงนี้ เป็นยันต์กันภัยไว้ซะหน่อย จะได้ไม่ต้องนั่งตัวเกร็ง เก้ๆ กังๆ เมื่อถึงคราวออกงานสังคมไงล่ะ
    เรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศส กับกูรูเลอนอร์มังดี แมนดาริน โอเรียลเต็ล
           เรื่องบนโต๊ะอาหารแบบนี้ จะหากูรูสักคน คงไม่พ้นผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการร้านอาหารเป็นแน่ เราเลยมุ่งตรงไปที่ เลอนอร์มังดี (Le Normandie)ห้องอาหารฝรั่งเศสระดับไฮคลาส (Hi Class) แห่งโรงแรงแมนดาริน โอเรียนเต็ล พร้อมได้ คุณทิวา เย็นวัฒนา Wine Sommerlier ของที่นี่ มาอธิบายพร้อมสาธิต มารยาทการรับประทานอาหารตามแบบสากล
          
           
    “สำหรับบนโต๊ะอาหาร มารยาทสากลในแบบที่เป็นทางการจริงๆ เครื่องมือ อย่าง ส้อม มีด ทุกอย่างจะถูกวางเรียงกันไว้เป็นจำนวนมาก เราก็หยิบจากด้านนอกเข้ามา แต่ในปัจจุบัน แม้จะเป็นห้องอาหารมีระดับในยุโรป ก็จะวางเครื่องมือไว้ไม่มากแล้ว ประมาณ 2 ชุดเท่านั้น ส่วนเครื่องมืออื่นๆ เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟอาหาร บริกรถึงจะนำมาให้อีก” ไวน์ซอมเมอลิเยร์แห่งเลอนอร์มังดี เกริ่นนำให้ใจชื้นว่ามารยาทบนโต๊ะอาหารปัจจุบันไม่ได้ยุ่งยากนัก
          
           
    ว่าแล้ว เรามาดูกันเถอะว่าการรับประทานอาหารให้ดูดี มีมารยาทตามหลักสากลนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
          
           
    เมื่อถึงโต๊ะอาหาร => ให้ผู้อาวุโส-สุภาพสตรี นั่งก่อน
          
           สำหรับมารยาทบนโต๊ะอาหารนั้น กูรูหนุ่มของเราบอกว่า เริ่มตั้งแต่ก่อนจะนั่งโต๊ะเสียอีกค่ะ
          
           
    “เมื่อเข้ามาถึงที่โต๊ะ ตามมารยาทนั้นต้องให้ผู้อาวุโสกว่านั่งก่อน แล้วก็ตามด้วยคุณผู้หญิง ซึ่งเท่าที่เราพบ แม้ปกติทางห้องอาหารจะมีบริกร คอยเลื่อนเก้าอี้ให้อยู่แล้ว แต่คุณผู้ชายหลายคนที่เป็นสุภาพบุรุษมากๆ จะเข้ามาแย่งเป็นคนเลื่อนเก้าอี้ให้คุณผู้หญิงเองเลย” ว้าว! สุภาพบุรุษกันซะจริง 
          
           ผ้าเช็ดปาก => ห้ามนำมา “เหน็บคอเสื้อ” เด็ดขาด
    เรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศส กับกูรูเลอนอร์มังดี แมนดาริน โอเรียลเต็ล
           หลังนั่งประจำที่แล้ว บริกรจะมาคลี่ผ้าเช็ดปาก หรือเน็ปกิ้น (napkin) ให้ค่ะ แต่หากคุณต้องการคลี่เอง ก็สามารถทำได้ โดยกูรูทิวาแนะนำว่า ให้พับเป็นสามเหลี่ยมเพราะใช้ง่าย ไม่เลื่อนหลุดขณะรับประทาน เมื่อต้องการเช็ดปาก เช็ดมือ ให้ใช้ปลายผ้าด้านในเช็ด และหลังเช็ดเสร็จ ให้เอาผ้าอีกด้านปิดไว้ ผู้ร่วมโต๊ะจะได้ไม่เห็นคราบที่ไม่น่ามอง โดยเฉพาะคุณสาวๆ ที่ทาลิปสติกสีจัดยิ่งต้องท่องให้ขึ้นใจ ว่าหากเช็ดที่ผ้าด้านนอก ประชาชีรอบข้างคงได้เห็นรอยปากเซ็กซี่ (ที่อยู่ผิดที่) ของคุณเป็นแน่
          
           
    ส่วนการนำผ้าเช็ด ปากมาเหน็บไว้ที่คอเสื้อนั้น กูรูย้ำไว้เลย อย่าได้ทำเชียว เพราะนั่นเป็นสไตล์ยุโรปเก่า เน้นคำว่า ‘เก่า’ ที่เอ้าท์สุดๆ ทำไปจะมีคนแอบขำเอาได้
          
           ใช้มีด-ส้อม => จับให้เหมือนดินสอ
    เรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศส กับกูรูเลอนอร์มังดี แมนดาริน โอเรียลเต็ล
           อาหารชนิดแรกที่จะมาเสิร์ฟสำหรับห้องอาหารฝรั่งเศสแล้วจะเป็นขนมปังค่ะ ซึ่งหลายคนอาจเผลอไปใช้มีดตัด หรือเอาส้อมจิ้มเข้าปาก ...ขอบอกว่าเป็นมารยาทที่ไม่ถูกต้องจ้า
          
           
    “ขนมปังจะเสิร์ฟทางด้านซ้ายมือเสมอ อย่าเผลอไปหยิบด้านขวานะครับ เพราะนั่นเป็นของคนข้างๆ ส่วนเวลาทาน ไม่ต้องใช้มีดหั่น ใช้มือได้เลย บิเป็นชิ้นพอคำ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป แล้วใช้มีดเล็กสำหรับปาดเนย ทาเนยแล้วก็ทาน” คุณทิวาอธิบาย
          
           
    ส่วนการใช้มีดและส้อมสำหรับตัดอาหารทาน แนะนำให้จับเหมือนดินสอจะถนัดมือ โดยคว่ำส้อมลงที่ชิ้นเนื้อ ใช้มีดตัดเป็นชิ้นพอคำ แล้วค่อยนำเข้าปากอย่างสุภาพ ไม่เพียงเท่านี้ คุณทิวายังให้ทิปแถมว่า 
           หากเป็นเนื้อที่ติดมากับกระดูก ให้ตัดเนื้อแยกออกจากกระดูกให้หมดชิ้นเสียก่อน จากนั้นนำกระดูกวางไว้ข้างจานแล้วค่อยทานเนื้อที่ตัดไว้ แต่หากเป็นปลาที่เสิร์ฟมาทั้งตัว (พบไม่บ่อยนัก) ก็มีข้อบ่งชี้ว่าห้ามพลิกตัวปลาค่ะ ให้ใช้ส้อมและมีดค่อยๆ เลาะก้างออกแล้วจึงทาน
          
           ทานซุป => ตักออกตัว แล้วทานจากข้างช้อน
    เรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศส กับกูรูเลอนอร์มังดี แมนดาริน โอเรียลเต็ล
           การทานซุป ในมารยาทสากลนั้น จะใช้วิธีตักซุปไปด้านหน้า (ออกจากตัว) แล้วรับประทานจากข้างช้อน โดยจะไม่นำทั้งช้อนเข้าปาก กรณีซุปใกล้หมดสามารถเอียงชามได้ แต่ก็ควรเอียงไปด้านหน้าอีกเช่นกัน ซึ่งสาเหตุที่ต้องเอียงแบบนี้ กูรูหนุ่มหน้าเข้ม ให้เหตุผลว่า การเอียงถ้วยซุปไปด้านหน้าจะทำให้แขนเรากางน้อยกว่า เอียงถ้วยเข้าหัวตัวค่ะ และยิ่งกางแขนน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการรักษามารยาท ไม่รบกวนคนที่นั่งด้านข้างมากขึ้นเท่านั้น
          
           สำหรับถ้วยซุปจะมี 2 แบบ คือแบบจาน (plate) และแบบถ้วย (cup) ซึ่งแบบถ้วยนี้จะมีหูด้านข้างให้จับ เราสามารถจับที่หูแล้วยกน้ำซุปขึ้นมาซดได้ด้วย ทั้งนี้เมื่อทานซุปเสร็จแล้ว ให้นำช้อนซุปวางไว้ที่จานรอง อย่าทิ้งคาไว้ในชามนะคะ จะดูไม่งาม
          
           หลังทานเสร็จ => รวบมีดส้อมให้ชิดแนว 5 โมง พับวางผ้าเช็ดปากแถวเก้าอี้
    เรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศส กับกูรูเลอนอร์มังดี แมนดาริน โอเรียลเต็ล
           เมื่อทานอาหารในจานเสร็จ ให้รวบส้อมและมีดชิดกัน (โดยไม่จำเป็นต้องคว่ำส้อม) แล้ววางเฉียงไว้ที่จานประมาณ 5 นาฬิกา แต่หากสาวคนไหนเกิดนึก หน้าปัดนาฬิกาไม่ออกกระทันหัน จะวางด้ามส้อมและมีดให้ตรงกับตัวเราเลยก็ได้ค่ะ ไม่ถือว่าเสียมารยาท
          
           
    โดยมารยาทแล้ว ขณะรับประทานอาหารถ้าเลี่ยงการไปเข้าห้องน้ำได้ก็ควรเลี่ยง แต่หากมีความจำเป็นต้องไปจริงๆ ก่อนลุกให้ขออนุญาตผู้ร่วมโต๊ะสักนิด แล้วพับผ้าเช็ดปากให้เป็นสามเหลี่ยมขนาดเล็กพอควร แล้ววางไว้ที่วางแขนเก้าอี้ แต่หากเก้าอี้ไม่มีที่วางแขนก็วางไว้บนเก้าอี้ได้เลย
          
           :: เกร็ดมารยาทดื่มชากาแฟ กับจิบไวน์
    เรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศส กับกูรูเลอนอร์มังดี แมนดาริน โอเรียลเต็ล
           หลังทานอาหารคาว จะมีการเสิร์ฟชากาแฟ ซึ่งมารยาทการดื่มนั้นไม่มากมายค่ะ แค่ก่อนทานกาแฟเมื่อใส่ครีมเทียม หรือน้ำตาลแล้ว ให้คนเป็นลักษณะเลข 8 หรือคนเป็นวงกลมไปในทางเดียวกัน เสร็จแล้วให้วางช้อนไว้ที่จานรอง ค่อยยกดื่ม
          
           
    ส่วนของหวานหลังอาหาร หากเป็นขนมปังชิ้นเล็กๆ สามารถใช้มือหยิบทานได้เลย แต่ถ้าเป็นของหวานชิ้นใหญ่ ที่ส่วนมากจะตัดมาเป็นรูปสามเหลี่ยม ให้เริ่มตัดส่วนปลายแหลมทานก่อน
          
           
    ส่วนการดื่มไวน์ (wine) โดยปกติแล้ว แก้วที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ จะประกอบไปด้วยแก้วน้ำดื่ม แก้วไวน์ขาว และไวน์แดง สังเกตได้ง่ายๆ ว่า แก้วไวน์ขาว จะเล็กและปากแคบกว่าแก้วไวน์แดง เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ไวน์ขาวจะไม่ต้องการสัมผัสอากาศมาก เท่ากับไวน์แดง
          
           
    และกฏเหล็กของการดื่มไวน์ก็คือ เวลายกดื่มให้จับเฉพาะที่ก้านแก้วเท่านั้น อย่าจับที่ตัวแก้ว เพราะอุณหภูมิจากมือของเรา จะทำให้อุณหภูมิของไวน์เปลี่ยน เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนรสชาติก็จะเปลี่ยนไปด้วย
          
           
    “ปกติแล้วไวน์ซอมเมอลิเยร์ จะรินไวน์ให้ในปริมาณ 1 ใน 7 ส่วนของแก้ว เป็นปริมาณพอเหมาะ ที่ยกดื่มง่าย แกว่งสะดวก ส่วนกรรมวิธีการเสิร์ฟไวน์ จะเริ่มจากไวน์ซอมเมอลิเยร์ทดสอบว่า ไวน์ขวดนั้นมีคุณภาพสมบูรณ์เต็มร้อยหรือไม่ หากมีคุณภาพดี ไม่เสีย ไม่บูด จึงจะให้คนที่สั่งไวน์ (เจ้ามือของมื้อนั้นๆ) เป็นผู้ทดสอบ จากนั้นจึงเสิร์ฟให้สุภาพสตรีในโต๊ะก่อน แล้วค่อยเสิร์ฟผู้ชาย เมื่อเสิร์ฟจนครบทุกคนแล้วถึงจะวนกลับมาเสิร์ฟให้ผู้สั่งไวน์ อธิบายง่ายๆ ก็คือ คนสั่งจะได้ชิมก่อน แต่จะถูกรินให้เป็นคนสุดท้าย” หัวหน้าไวน์ซอมเมอลิเยร์ทิวา ให้ข้อมูล
          
           
    อ้อ! ถ้าอยากดื่มด่ำกับรสไวน์แบบเต็มๆ กูรูแห่งเลอนอร์มังดีผู้นี้แนะว่า ก่อนดื่มให้แกว่งแก้วเล็กน้อย เพื่อให้กลิ่นไวน์หอมเพิ่มอีกนิด แล้วจะรู้สึกว่ารสชาติไวน์อร่อยขึ้นอีกเป็นกอง เพราะราคาของไวน์ครึ่งหนึ่งคือราคาของกลิ่น...
    เรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารฝรั่งเศส กับกูรูเลอนอร์มังดี แมนดาริน โอเรียลเต็ล
           *ทิปส์ส่งท้าย อิ่มแบบมีมารยาท ไม่เสียบุคลิก
          
           - เลื่อนเก้าอี้เพื่อให้ตัวของคุณชิดกับโต๊อย่างพอเหมาะ เพื่อที่ขณะรับประทานอาหาร จะได้ตัวตรงดูสง่า ไม่หลังค่อม เพราะต้องโน้มตัวตักอาหาร
          
           
    - ก่อนทานอาหาร ระหว่างรอบริกรเสิร์ฟเครื่องดื่ม ควรหาเรื่องคุยกับคนข้างๆ สักเล็กน้อย เพราะมันดูไม่ดีนัก ถ้าจะนั่งรอทานโดยไม่คุยกับใครเลย
          
           
    - หากต้องการเครื่องปรุงรส ซึ่งเป็นของส่วนกลาง แต่หยิบไม่ถึง ให้ใช้วิธีขอคนที่อยู่ใกล้ส่งผ่านมาให้ ไม่ควรเอื้อมหรือลุกขึ้นไปหยิบเอง
          
           
    - เมื่อได้รับอาหารก่อนคนในโต๊ะ อย่าส่งต่ออาหารให้ผู้อื่น ท่องไว้ว่าการเสิร์ฟอาหารเป็นหน้าที่ของบริกรเท่านั้น เพราะเขารู้ดีที่สุด ว่าต้องเสิร์ฟอาหารจานไหนให้กับใคร
          
           
    - ก่อนดื่มน้ำ ควรใช้ผ้าเช็ดปากซับปากเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คราบอาหารติดที่ขอบแก้ว
          
           
    - หากส้อมหรือมีดหล่น ไม่ต้องก้มลงเก็บ เพราะโดยทั่วไปแล้วร้านอาหารหรูทั้งหลาย จะมีบริกรคอยสอดส่องดูแล เมื่อพบว่ามีอุปกรณ์การทานอาหารตก จะมีการนำมาเปลี่ยนให้อยู่แล้ว หากบริกรไม่เห็นค่อยกวักมือเรียกให้นำอุปกรณ์ที่ตกนั้นมาเปลี่ยน
          
           
    - หลังรับประทานเสร็จ ให้วางผ้าเช็ดปากไว้บนโต๊ะ โดยพับหลวมๆ ไว้ และไม่ควรม้วนหรือขย้ำผ้าเช็ดปากนั้น


    อ้างอิ้ง:
    http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000182306

    Posted on 04:21 by Unknown

    No comments

    วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557



    การทักทายเเบบฝรั่งเศส







    ไทย คุณสบายดีเหรอครับ/ค่ะ

    ฝรั่งเศส comment alez-vous?(กอมัง ตาเล-วู?)


    ส่วนคำนี้ ใช้ได้กับคนที่สนิทกันแล้ว

    comment ca va?(กอมัง ซา วา)
    ไทย สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ?

    ฝรั่งเศส Trér bien merci, Et vous? ( แตร เบียง แมร์ซิ, เอวู?)



    ไทย สวัสดีคุณ......(ใสชื่อคนที่คุณต้องการที่เป็นผู้ชาย)

    ฝรั่งเศส Bonjour, Moniseur .........(บองชูร์ เมอสิเออร์.....)


    เวลา มีคนถามว่า คุณสบายดีมั้ย เราจะ ตอบได้ หลายประโยคด้วยกันครับ


    ไทย สบายดีหรือคุณ

    ฝรั่งเศส Comment allez -vous?(กอมัง ตาเล- วู)


    ไทย ฉันสบายดี ขอบคุณ

    ฝรั่งเศส Je vais bien, merci.(เชอ แว เบียง แมร์ซิ)


    การอ่านตัวเลขเเละอักษรภาษาฝรั่งเศส
    un  deux  trois  quatre  cinq   six   sept   huit  neuf  dix
    เอิง เดอ    ทรัว   กั๊ตท    แซง   ซิส   เซต   อวี๊ท  เนิฟ   ดิส


    ตัวอักษร

    L'Alphabet Français
    a อา    b เบ    c เซ    d เด    e เออ    f แอฟ
    g เช    h อาช   i อี    j ชี   k กา    l แอล
    m แอม   n แอน   o โอ   p เป   q ควี   r แอร์
    s แอส   t เต   u อ-ยู   v เว   w ดูเบิ้ล เว   x อิ๊กซ์
    y อีแกลก  z แซด

    คำอ่านตัวอักษรนะครับ มันจะอ่านคล้ายๆกับอังกฤษ แต่ว่าจะมีสำเนียงบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน
    สระ    a,e,i,o,u,y อ่านเหมือนกับตัวอักษร แต่จะมีตัวเพิ่มอีกหลายตัว ยกตัวอย่างเช่น  é [เอ]   è [แอ]
    *คำที่ลงท้ายด้วย er   อ่านออกเสียงว่า เอ จะเป็นกริยา
                            en  อ่านออกเสียงว่า ออง จะเป็นกริยา
    เช่น penser   (ปอง-เซ่)  = คิดถึง
           écouter (เอ-ควู-เต) = ฟัง
           enfant   (ออง-ฟอง) = เด็กๆ
           aimer    (แอม-เม่)   = รัก


    Posted on 21:36 by Unknown

    No comments

    วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557

     Poisson d’avril

    วันโกหก  มีเชื่อเรียกอื่นๆ อีกว่า วันเมษาหน้าโง่วันโกหกเดือนเมษายนวันเทศกาลคนโง่  หรือเป็นที่รู้จักอย่างสากลคือ  วันเอพริล ฟูลส์ เดย์ (April’s Fool Day)   เป็นเทศกาลใน วันที่ 1 เมษายน    วันนี้เป็นวันที่จะอนุญาตให้โกหกต่อกันได้ โดยไม่ถือโกรธ ในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ อาจมีเหตุการณ์น่าตกใจ ตื่นเต้นเป็นหัวข้อข่าว แต่แล้วในวันรุ่งขึ้นต่อมาจึงได้เฉลยว่าข่าวที่ลงไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

    ความเป็นมา

            ประเทศฝรั่งเศส  นยุคศตวรรษที่ 16  ตอนนั้นชาวฝรั่งเศสมีวันปีใหม่ตรงกับวันที่ เมษายน กระทั่งมาถึง ค.ศ.1582 สันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองวันปีใหม่พร้อมกันวันที่ 1 มกราคม
            ทั้งนี้สมัยก่อน ข่าวสารไม่ได้กระจายรวดเร็วเหมือนสมัยนี้  คนบ้านนอกของฝรั่งเศสบางกลุ่มยังไม่รู้ แถมบางคนได้ยินแล้วก็ยังไม่เชื่อ   จึงฉลองวัน    ปีใหม่กันวันที่ เมษายน เหมือนเดิม ทำให้พวกไม่ตกยุคเย้ยหยันพวกตกยุคว่า หน้าโง่     แถมยังพยายามจะแกล้งหลอกคนกลุ่มนี้เพื่อความสนุกสนานอีกด้วย
    วิธีการเล่น
            วันที่ เมษายน  จึงกลายเป็นวัน April’s Fool Day  เรื่อยมา และเป็นวันทที่คนแกล้งหลอกกันด้วยการแต่งเรื่องอะไรก็ได้มาหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อ จากนั้นค่อยเฉลยในตอนท้าย
            ซึ่งเรื่องที่เอามาหลอกนั้นจะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเลือดตกยางออก และคนที่ถูกหลอกจะต้องไม่โกรธด้วย เพราะถือว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ ยกเว้นให้หนึ่งวัน

    www.panyathai.or.th

    Posted on 22:44 by Unknown

    No comments

    พื้นที่ - ภูมิประเทศ - ภูมิอากาศ - สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ - ประชากร

    สาระทั่วไปเกี่ยวกับฝรั่งเศส

    พื้นที่
    ฝรั่งเศสมีพื้นที่ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก (ประมาณเกือบหนึ่งในห้าของพื้นที่ของสหภาพยุโรป) อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง (เขตเศรษฐกิจจำเพาะมีพื้นที่ทั้งสิ้น 11 ล้านตารางกิโลเมตร)
    ภูมิประเทศ
    พื้นที่ประมาณสองในสามของประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ราบ เทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เทือกเขาแอล์ปซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป คือ ยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) สูง 4,807 เมตร เทือกเขาปิเรเนส์ เทือกเขาจูรา เทือกเขาอาร์แดนส์ เทือกเขามาสซิฟ ซองทราลและเทือกเขาโวจช์ ประเทศฝรั่งเศสมีชายฝั่งทะเลอยู่ถึงด้าน คิดเป็นความยาวรวมทั้งสิ้น 5,500 กิโลเมตร (ทะเลเหนือ ช่องแคบอังกฤษ มหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)

    ภูมิอากาศ มี แบบคือ
    ·          แบบชายฝั่งทะเลตะวันตก (บริเวณตะวันตกของประเทศ)
    ·          บบเมดิเตอร์เรเนียน (ทางตอนใต้ของประเทศ)
    ·         แบบภาคพื้นทวีป (ทางตอนกลางและภาคตะวันออกของประเทศ)
    สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
    ·         พื้นที่เกษตรกรรมและทำป่าไม้มีประมาณ 48 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 82 ของพื้นที่โดยรวมทั้งประเทศ (เฉพาะฝรั่งเศสส่วนภาคพื้นทวีป)
    ·         พื้นที่ป่ามีประมาณร้อยละ 30 และนับว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ ของสหภาพยุโรปรองจากสวีเดนและฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 1945 พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และถ้าพูดถึงในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา นับว่าเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
    ·          ฝรั่งเศสมีความแตกต่างไปจากประเทศอื่นๆในยุโรปเพราะมีพันธุ์ไม้มากถึง 136 ชนิด ในส่วนของสัตว์ใหญ่ก็เพิ่มจำนวนขึ้น ภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี จำนวนของสัตว์ประเภทกวางเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า 
    ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับมรดกทางธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงได้มีการจัดตั้ง
    อุทยานแห่งชาติ แห่ง
    ป่าสงวน 156 แห่ง
    เขตรักษาพันธุ์พืชและสัตว์ป่า 516 แห่ง
    รวมทั้งประกาศให้พื้นที่อีก 429 แห่งเป็นเขตอนุรักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล
    นอกจากนี้ยังมีอุทยานธรรมชาติตามภูมิภาคต่างๆ อีกกว่า 37 แห่งซึ่งกินพื้นที่กว่าร้อยละ ของประเทศ
    งบประมาณจำนวน 32 พันล้านยูโรได้รับการจัดสรรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อประชากรจะเท่ากับ 516 ยูโร ทั้งนี้ ส่วน ของเงินข้างต้นจะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของการบำบัดน้ำเสียและการจัดการของเสียต่างๆ
    ในระดับนานาชาติ ฝรั่งเศสเป็นภาคีของสนธิสัญญาและอนุสัญญาทางด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและการแปรสภาพเป็นทะเลทราย

    ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.environnement.gouv.fr

    ประชากร
    ประชากรจำนวน 62.2 ล้านคน (ปี 2005)
    ความหนาแน่นของประชากร 96 คนต่อตารางกิโลเมตร
    เมืองมีประชากรมากกว่า 100,000 คนมีถึง 57 เมือง
    เมืองที่มีประชากรมากที่สุดห้าอันดับแรกคือ

    ลำดับ 
     เมือง
    จำนวนประชากร
    1
     ปารีส
     9.6 ล้านคน
    2
    ลีลล์
    1.7 ล้านคน
    3
     ลียง
    1.4 ล้านคน
    4
    มาร์เซยย์
    1.3 ล้านคน
    5
    ตูลูส
    ล้านคน

    การแบ่งส่วนการปกครอง
    สาธารณรัฐฝรั่งเศสประกอบด้วย
    ·          ส่วนที่อยู่บนภาคพื้นทวีป (แบ่งเป็น 22 มณฑลและ 96 จังหวัด)
    ·         จังหวัดโพ้นทะเล (DOM) 4 จังหวัดได้แก่ กัวเดอลูป มาร์ตินิก เฟรนช์เกียนาและลา เรอูนียง
    ·          ดินแดนโพ้นทะเล (TOM) 5 แห่งได้แก่ เฟรนช์ โปลิเนเซียวาลลิสและฟูตูนามายอตต์แซงต์-ปิแอร์-เอต์-
    มิเกอล็ง
    เฟรนช์ เซาเทิร์นและแอนตาร์กติก แทร์ริทอร์รีส์    ดินแดนที่มีสถานภาพพิเศษอีก 1 
    แห่ง
    คือ นิวแคลิโดเนีย

    ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
      www.outre-mer.gouv.fr

    ข้อมูลจาก http://www.ambafrance-th.org


    Posted on 22:41 by Unknown

    No comments